บทสัมภาษณ์และภาพบรรยากาศงาน Solo Exhibition ของ Madsaki

· By Bkkgraff · 6 years ago

 

Madsaki ศิลปินผู้ที่กล้าสร้างสรรค์ผลงานจากภาพวาดคลาสสิคโดยใช้เทคนิคสีสเปรย์ กับคำนิยามที่ว่า ‘Ugly is Beautiful’

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทาง BkkGraff ได้มีโอกาสเข้าร่วมสัมภาษณ์ศิลปินชาวอเมริกันเชื้อสายญี่ปุ่น ‘Madsaki’ ที่มาจัดแสดงผลงานศิลปะ Solo Exhibition

ในชื่อ ‘Combination Platter’ ณ ห้างสรรพสินค้า Central Embassy เรามาทำความรู้จักตัวตนของเค้าผ่านบทสัมภาษณ์นี้กัน

 

madsazi-solo-art05thailand

madsazi-solo-art01thailand

 

อะไรเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเริ่มทำงานศิลปะ

  • ผมได้ย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่อายุ 6 ปี ตอนนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ผมเลยเริ่มวาดภาพเพื่อใช้สื่อสารกับคนอื่น

คุณพัฒนาสไตล์การทำงานในปัจจุบันของคุณมาได้อย่างไร

  • ผมได้พัฒนามาเรื่อยๆหลายขั้นตอน หลายยุค.. มันก็แต่เกิดขึ้นมาเอง

คุณจบการศึกษาจาก Parsons School of Design New York ทำไมถึงไม่สร้างงาน original แต่ใช้งาน classic มาดัดแปลงแทน

  • ตอนแรกก็ทำงานออริจินัลมาหลายปี แต่รู้สึกว่าไม่ใช่ เริ่มแรกจากการนำคำพูดต่างๆมาคิดแล้ววาดลงผืนผ้าใบ วันนึงเพื่อนผมพูดว่าการนำคำพูดมาเขียนลงผืนผ้าใบ จริงๆสามารถใช้ concept เดียวกันมาใช้ในงาน painting ได้ อย่างเช่นการเขียนคำว่าfuck off ลงบนผืนผ้าใบ ก็เหมือนกับที่ศิลปินอย่างลาทิสทำ ซึ่งไม่ได้เป็นการดูถูกศิลปินแต่อย่างใด แต่ผมเติบโตมาในสังคมแบบฮิปฮอป คนทุกชาติทุกภาษามาอาศัยอยู่รวมที่เดียวกัน ทุกอย่างมันไม่มีแบ่งชนชั้น การที่ผมสร้างสรรค์ผลงานโดยเอาคำพูดต่างๆมาใส่ในภาพวาดก็ไม่ต้างจากการสร้างสรรค์ผลงานของศิลปินระดับโลกเช่นกัน

 

madsazi-solo-art09thailand

 

การใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่เป็นพหุวัฒนธรรมที่มีหลายวัฒนธรรมมีส่วนหล่อหลอมในการเป็นศิลปินของเขาอย่างไรบ้าง

  • แต่ละสังคมก็มีสิ่งที่ทั้งดีและไม่ดี ผมก็เลือกสิ่งที่ดีๆมาใส่ในผลงานของตัวเอง

ดูเหมือนว่าผลงานของคุณจะได้รับแรงบันดาลใจมากจากภาพยนตร์ มีภาพยนตร์เรื่องใดบ้างที่คุณใช้เป็นแรงบันดาลใจในการสร้างผลงาน

  • ผมมีหนังเรื่องโปรดอยู่หลายเรื่องเลย เรื่องที่ผมดูบ่อยสุดนี่ผมดูมามากกว่า 300 รอบเห็นจะได้ ในการแสดงผลงานครั้งนี้ก็มีผลงานที่นำมาจากซีนหนึ่งในหนังเรื่องนี้ด้วยเป็นฉากที่ตัวเอกมอบปืนให้กับภรรยาของเค้า

ฉันเห็นผลงานคุณจำนวนมากที่มีเอกลักษณ์เป็นเหมือนน้ำตาไหล มันมาจากอะไร

  • เวลาวาดภาพด้วยสีสเปรย์มันก็จะหยดลงมา ก็แค่นั้น

แล้วมีความหมายอะไรลึกซึ้งภายใต้หยดนำ้ตานั้นรึป่าว

  • ผมอยากให้ผู้ที่ชมงานไปตีความเอาเอง

 

madsazi-solo-art10thailand

 

แล้วชื่อของคุณล่ะ ‘Madsaki’ มีที่มาจากอะไร

  • ผมเคยปั่นจักรยานเป็นเมสเซ็นเจอร์ตั้งแต่ปี 1999 ถึงปี 2004 วันนึงเมื่อเลิกงานเพื่อนผมมักจะชวนไปดื่ม ป่ะ เราไปหาสาเกดื่มกัน และชื่อจริงๆของผมก็คือ Masaki มันก็กลายเป็น Madsaki

คุณรู้สึกอย่างไร ตื่นเต้นไหมที่ได้มีงานแสดงเดี่ยวที่กรุงเทพ

  • ผมมีความสุขมากที่ได้มาเมืองไทย ได้มาเจอคนไทย ทานอาหารไทย

แล้วอาหารไทยที่คุณชอบคืออะไร

  • ผมจำชื่อไม่ได้ครับ แต่รู้ว่าผมชอบอาหารไทย

 

1D9A9894

 

ได้มาเปิดนิทรรศการที่กรุงเทพได้อย่างไร

  • ผมคิดว่าจากการที่ได้มีการแสดงผลงานที่ gallery และคุณเทดติดต่อผ่าน Kaikai Kiki ที่ไปสัมมนางานศิลปะของผมที่ญี่ปุ่น

เราจะสามารถพบเจออะไรได้จากการแสดงงานครั้งนี้ คุณต้องการแสดงออกอะไรบ้าง

  • มันเป็นส่วนผสมของหลายๆสิ่งเช่น คำพูด การ์ตูน ไม่ยึดติดกับสไตล์แบบใดแบบหนึ่ง รวบรวมงานหลายๆสไตล์อย่างละนิดอย่างละหน่อย และนี่คือที่มาของชื่องาน Combination platter โดยที่สร้างสรรค์ผลงานแต่ละสไตล์ไปพร้อมๆกันเลย

มีข้อความอะไรจะฝากถึงผู้ชมผ่านทางผลงานบ้าง

  • มันก็ไม่เชิงข้อความ แค่อยากให้ผู้คนสนุกไปกับผลงานศิลปะ เพราะตัวผมเองก็สนุกกับการสร้างสรรค์ผลงานเช่นกัน

 

madsazi-solo-art07thailand

 

หนึ่งในงานชิ้นเอกที่นำมาจัดแสดงในครั้งนี้คือภาพวาดขนาดยาว 13 เมตรที่มีตัวการ์ตูนของทั้งญี่ปุ่นและอเมริกา คุณได้รับแรงบันดาลใจมาสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างไร

  • ผมโตมาพร้อมกับได้ดูการ์ตูนทั้งการ์ตูนญี่ปุ่น อเมริกัน ขณะที่ผมได้ศึกษาประวัติศาสตร์ศิลปะมานั้น การ์ตูนก็มีประวัติศาสตร์เช่นกัน อย่างเช่นเรื่องบั๊กบันนี่ก็ไม่ได้แตกต่างจากศิลปินระดับโลกอย่างเช่นภาพของดาวินชี่เลย ผมก็เลยนำตัวการ์ตูนต่างๆที่เคยดูสมัยเด็กๆมาผสมผสานกันในผลงาน ซึ่งแต่ละตัวต่างก็มีความหมายสำหรับผม

ช่วยยกตัวอย่างได้ไหมว่าตัวการ์ตูนคัวไหนที่มีความหมายกับคุณบ้าง

  • มันจะมีตัว Big Bird จากเรื่อง Sesame Street  ครับ ซึ่งในความเป็นจริงมันจะไม่พูดคำว่า fuck off ผมก็ให้ในเป็นในสิ่งที่มันไม่สามารถเป็นไปได้จริงๆ ผมก็ได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษจากการดูการ์ตูนเรื่องนี้ มันจึงถือเป็นส่วนนึงของชีวิตผม การสร้างสรรค์ผลงานนี้ก็เปรียบเหมือนเป็น self portrait ของชีวิตของผม

หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นชิ้นนึงก็คืองาน sculpture รูปแกะสูงขนาด 5 เมตร คุณแรงบันดาลใจมาจากอะไร

  • ศิลปินระดับโลกชื่อ Takashi Murakami บอกให้ผมสร้าง เพื่อให้คนรู้จักศิลปินชื่อ Madsaki คือใคร เป็นการแสดงตัวตนให้โลกรู้

มีงานชิ้นอื่นชิ้นไหนในงานอีกบ้างไหมที่อยากจะแนะนำให้กับผู้ชมเป็นพิศษ

  • sculpture ที่แกะสลักคำว่า Madsaki ที่มีขนาดสูง 5 เมตรก็เป็นผลงานหนึ่ง แล้วก็มีผลงานภาพวาดบนผ้าใบที่เป็นสีน้ำเงินและสีแดงก็คือผลงานใหม่ สองชิ้นนี้คืผลงานที่อยากจะนำเสนอ ส่วนภาพวาดขนาดใหญ่ 13 เมตรนั้นก็ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อนเลย เป็นครั้งแรกในเอเชีย ได้เคยถูกจัดแสดงครั้งหนึ่งที่เมือง Vancouver ที่กรุงเทพก็ได้รับชมภาพนั้นก่อนประเทศญี่ปุ่นด้วย

 

madsazi-solo-art03thailand

 

คุณได้กล่าวถึงคุณ Takashi Murakami ไม่ทราบว่าคุณมีความสัมพันธ์กันอย่างไรครับ

  • เค้าถือเป็นอาจารย์ เป็นเจ้านายของผมได้เลยครับ รู้จักกันครั้งแรกคือ ผมรู้จักชื่อเสียงของคุณ Murakami มาก่อนอยู่แล้ว และวันหนึ่งคุณ Murakami ได้มาติดตามผมใน Instagram  ซึ่งตอนนั้นผมตกใจมาก และผมได้โพสต์ภาพภาพหนึ่งลงบน Instagram เข้ามาแสดงความคิดเห็นบนรูปภาพว่าอยากซื้อ จึงได้เริ่มคุยติดต่อกันนับแต่วันนั้น

แล้วเริ่มสนิทกันได้อย่างไร

  • เขานำภาพเขียนของผมที่ซื้อไปประดับในงานเปิดนิทรรศการศิลปะของเขาที่เมือง Yokohama ผมนั้นไม่ได้รับเชิญ แต่ผมได้เข้าไปที่งานด้วยตัวเอง และเข้าไปแนะนำตัวกับคุณ Murakami ว่าผมคือลาทิส เนื่องจากภาพที่คุณ Murakami ซื้อไปเป็นการล้อเลียนงานของลาทิส ต่อมาคุณ Murakami ได้ส่งข้อความมาใน Instagram เพื่อชักชวนให้มาแสดงผลงานร่วมกัน ที่เมือง Nakano เป็นโอกาสที่ดีมากที่มีคนระดับนี้ชวนให้มาร่วมงาน ผมมีเวลาเตรียมงานไม่ถึงเดือน ก็ถือเป็นการทดสอบความสามารถของผมด้วยว่าสามารถทำได้ไหม หลังจากนั้นก็เริ่มสนิทกัน คุณ Murakami เป็นคนที่ตลกมาก คุยได้ทุกเรื่องไม่เฉพาะเรื่องงาน ผลงานที่เป็นการล้อเลียนภาพดอกไม้ของคุณ Murakami ตอนที่ผมสร้างสรรค์ผลงานนี้ไปแสดงที่ Nakano เริ่มแรกก็ปฏิเสธไปเพราะคุณ Murakami ยังคงมีชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายก็ตกลงทำเพราะเป็นคำชวนของคุณ Murakami

จากการที่คุณได้อาศัยและทำงานมารอบโลก วงการศิลปะในเอเชียกับ US หรือประเทศอื่นๆมีความแตกต่างกันหรือไม่ อย่างไร

  • เป็นคำถามที่ค่อนข้างจริงจังนะ จริงๆมันก็ยากทั้งสองที่ ในอเมริกามีศิลปินเยอะแยะไปหมด ยากเพราะมีคู่แข่งเยอะ ในญี่ปุ่นมันยากที่คุณจะหาเลี้ยงชีพด้วยงานศิลปะ ผมอายุ 44 ปี ผมทำงานศิลปะมาตั้งแต่เรียนจบ แต่เพิ่งเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียงก็เมื่อตอนที่ได้เจอกับคุณ Murakami คือเมื่อสองปีที่แล้วนี่เอง คุณคิดดูเองว่ามันยากแค่ไหน

นี่คือครั้งแรกในเมืองไทยใช่ไหม คุณมีอะไรที่ประทับใจเกี่ยวกับเมืองไทยบ้าง

  • ใช่ครับ อากาศโคตรร้อนเลยครับ ชื้นมากด้วย และผู้คนก็น่ารักมากเช่นกัน

อยากกลับมาอีกไหม

  • อยากกลับมา แต่คงเป็นที่ชนบท ชมธรรมชาติ

 

madsazi-solo-art06thailand

 

แรงบันดาลใจในการสร้างผลงานของคุณได้มาจากไหนบ้าง

  • ผมคิดว่ามันประวัติศาสตร์ของตัวผมเองตั้งแต่เป็นเด็ก ทุกสิ่งอย่างผ่านการท่องเที่ยว อ่านหนังสือ ชมภาพยนตร์ ผมคงไม่มีคำตอบที่แน่นอน ซึ่งตอนนี้ก็ยังคงต้องค้นหาตัวเองอยู่เลยว่าแรงบันดาลใจที่แท้จริงมาจากไหน

ช่วงนี้คนไทยนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นมาก คุณอาศัยในโตเกียวใช่ไหม ถ้าคุณจะแนะนำคนให้ไปเที่ยวโตเกียวใน 1 วัน คุณจะแนะนำให้ไปที่ไหน ทำไม

  • คงแนะนำให้ไปทานราเม็งและซูชิ

มีร้านแนะนำมั๊ย

  • แล้วแต่อารมณ์ว่าวันนี้อยากทานซุปข้นหรือซุปใส

คุณเคยหมดแรงบันดาลใจบ้างไหม แบบวันนึงคุณตื่นขึ้นมา คุณไม่รู้จะทำอะไร คุณจะหลุดออกจากสภาพนั้นได้อย่างไร

  • ถ้าผมไม่มีอารมณ์ ไม่รู้จะวาดอะไร ผมก็แค่ไปนอน หรือไม่ก็หยุดพักไปเลย ผมเคยหยุดวาดภาพไปนานเป็น 6 เดือนหรือเป็นปีเลย

ครั้งนึงผมเคยหมดแรงบันดาลใจแล้วก็กลับไปเป็นคนปั่นจักรยานส่งเอกสาร ผ่านไปสามปีผมก็ถามตัวเองว่าอยากกลับมาทำงานศิลปะมั๊ย แล้วผมก็กลับมา คือผมจริงจังกับศิลปะนะ แต่ไม่ได้จริงจังขนาดนั้น แค่ทำอะไรให้มันง่ายๆ สิ่งต่างๆที่ผมทำ ช่วงที่ผมไปเป็น messenger การที่ผมได้เดินทาง เวลานั้นมันไม่ได้สูญเสียไป ประสบการณ์ต่างๆมันก็เป็นแรงบันดาลใจเป็นแรงขับเคลื่อนให้ผมได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆต่อไปในอนาคต

ศิลปินคนไหนที่เป็นไอดอลบ้าง

  • Murakami ก็ถือเป็นไอดอล และเป็นอาจารย์ของผมด้วย นอกจากนี้ก็มี David Hockney ทุกคนเป็นแรงบันดาลใจของผม

 

madsazi-solo-art04thailand

 

เวลาที่วาดภาพที่มาจากภาพต้นแบบ หรือภาพการ์ตูนนั้น คุณได้วาดภาพออกมาจากความทรงจำ วาดให้สมบูรณ์แบบหรือจากอะไร เพราะในภาพดูเหมือนจะมีองค์ประกอบที่อยู่เหนือการควบคุมอยู่ด้วย

  • งานพวกคาแรกเตอร์ การ์ตูน ช่วงแรกจะร่างภาพให้เหมือนก่อน แล้วก็ใช้เทคนิคสีสเปรย์หยดเข้าไป เพราะว่ามีศิลปินมากมายที่วาดเก่ง สวยสมบูรณ์แบบ บางคนอายุน้อยกว่าผมมากแต่ก็วาดเก่ง ความเละคือความสวยงาม

ประสบการณ์ที่ Parsons เป็นอย่างไรบ้าง

  • สัปดาห์แรกที่เรียน อาจารย์คนนึงบอกเค้าว่า ไม่มีใครอยู่รอดในวงการศิลปะ ถ้าไม่อยากเสียเงินเปล่า ออกจากวงการนี้ซะ

ที่น่าตลกคือ ตลอดช่วงการเป็นศิลปินผมไม่เคยทำอะไรอย่างที่อาจารย์สอนเลย อาจารย์คอยพร่ำบอก ห้ามทำอย่างโน้นอย่างนี้ และผมก็ยังคงเป็นผมมาจนถึงทุกวันนี้ ผมรู้แค่ว่าการเรียนประวัติศาสตร์ศิลปะเป็นสิ่งน่าเบื่อ

ภาพวาดแบบไหนที่ท้าทายคุณที่สุด

  • ภาพที่ถือเป็นภาพวาดที่เป็นเอกลักษณ์ของผม ตัว smiley หรือหน้ายิ้มนั้นมองดูเหมือนง่ายๆแต่เป็นส่วนนึงที่ยากมาก มันเป็นสิ่งที่ง่ายๆที่สุดและคุณต้องใส่ความรู้สึกลงไปในนั้น ถ้าผมไม่รู้สึกผมก็ไม่สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ แต่เวลาที่ผมรู้สึกเศร้า ผมมักจะทำมันออกมาได้ดี

คุณเคยกล่าวไว้ว่าศิลปะไม่ควรมาจากพิพิธภัณฑ์เท่านั้น แต่ก็ยังมีผลงานที่ถูกเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ ทำไมคุณถึงใส่ใจในประเด็นนี้

  • ผมไม่ได้เป็นกังวลอะไรในเรื่องนี้ เพียงแค่คิดว่างานศิลปะควรจะถูกเก็บไว้ที่ที่มีอุณหภูมิเหมาะสม แต่ถ้าเป็นผลงานของศิลปินรุ่นใหม่ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงงานในพิพิธภัณฑ์ก็ได้ อย่างเช่นการได้มาแสดงงานใน mall ที่นี่

เมื่อ 10 ปีที่แล้วเคยได้ไปดูผลงานของคุณ กับแบรนด์ชื่อคร็อกซ์ จะได้เห็นในแนวผสมผสานแบบนั้นอีกหรือไม่

  • นั่นเป็นศิลปะผสมผสานจากงานกราฟฟิค ซึ่งเป็นการทำงานเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ได้เป็นศิลปะที่ผมอยากทำ ตอนนี้ผมคงไม่ได้กลับไปทำงานแบบนั้นอีกแล้ว

ผมได้เห็นการนำภาพเขียนโบราณมาบูรณะ รู้สึกเหมือนได้เห็นภาพของคุณ Madsaki คุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าการทำลายก็เป็นการสร้างสรรค์อย่างหนึ่ง

  • ผมไม่คิดว่ามันเป็นการทำลายซะทีเดียว แต่เหมือนกับเป็นการเพิ่มเอกลักษณ์ของตัวเองเข้าไปในงานศิลปะนั้นมากกว่า ปมไม่ค่อยสนใจในการสร้างสรรค์ผลงานให้สวยสะอาด เพราะนั่นเป็นสิ่งที่ผู้สร้างสรรค์งานดั้งเดิมได้ทำไว้แล้ว สำหรับคนรุ่นใหม่ที่มาเห็นผลงานของผมแล้วบอกว่าชอบมากกว่าผลงานแบบออริจินัล นั่นก็อาจเป็นเพราะคนเหล่านั้นเกิดมาท่ามกลาง pop culture เมื่อเห็นผลงานแบบเก่าๆก็อาจจะรู้สึกเบื่อ หรือรู้สึกว่ามันล้าสมัย